งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จ.อุบลราชธานี – ความงดงามแห่งศิลปะและศรัทธา
“อุบลราชธานี เมืองดอกบัวงาม และเมืองแห่งเทียนพรรษา”
หากเอ่ยถึงจังหวัดอุบลราชธานี หนึ่งในงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นที่สุดของที่นี่ก็คือ งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา
ในปีนี้ กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 7 – 13 ก.ค.2568 รวม 7 วัน ภายใต้ชื่องาน ประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2568 สถานที่จัดงานบริเวณรอบทุ่งศรีเมือง รวมเทียน วันที่ 9 ก.ค.2568 จัดขบวนแห่ภาคกลางวันและภาคกลางคืน 2 วัน คือ วันที่ 10 – 11 ก.ค.2568 เส้นทางขบวนแห่และจุดแสดงจะเริ่มด้านหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนนอุปราชและถนนชยางกูร เป็นการรวมพลังความศรัทธา ศิลปะ และวัฒนธรรมอันงดงาม
ความเป็นมาของงานแห่เทียนเข้าพรรษา
ประเพณีแห่เทียนพรรษา มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อถวายเทียนแก่พระภิกษุสงฆ์สำหรับจุดให้แสงสว่างในการปฏิบัติกิจวัตรในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน. การแห่เทียนพรรษาเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน มีความสำคัญทั้งในด้านศาสนาและวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความสามัคคีในชุมชน และสร้างความสุขให้แก่ผู้ร่วมงานและผู้ชม.
ในอุบลฯ ได้พัฒนาประเพณีนี้มาเป็นขบวนแห่เทียนที่วิจิตรตระการตา และเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ!
ไฮไลท์ของงาน
- ขบวนแห่เทียนพรรษาขนาดใหญ่
เทียนพรรษาถูกแกะสลักด้วยลวดลายไทยอันวิจิตร บางขบวนมีรูปปั้นพญานาค เทวดา และเรื่องราวทางพุทธศาสนา
- การแสดงศิลปวัฒนธรรม
ชมการรำเซิ้ง การฟ้อน และดนตรีพื้นบ้านสุดสนุกสนานของชาวอีสาน
- ไฟประดับยามค่ำคืน
ขบวนเทียนเรืองแสงสวยงามยามค่ำ บรรยากาศโรแมนติก น่าหลงใหล
- วิถีชีวิตชุมชน
นอกจากความยิ่งใหญ่ ยังได้เห็นชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันทำเทียนพรรษา สืบสานศิลปะท้องถิ่น
สามพันโบก (Sam Phan Bok)
ภาพแรกและภาพสามเป็นวิวที่งดงามของโขดหินรูปทรงแปลกตาและหลุมหินกลม ๆ ที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำโขงเมื่อช่วงฤดูแล้ง (คือชื่อ “สามพันโบก” ที่หมายถึงหลุมหินจำนวนมาก)
หมายเหตุเที่ยว: เข้าชมฟรี ช่วงที่น้ำลดช่วง พ.ย.–มิ.ย. เหมาะกับการถ่ายรูปมาก
ผาแต้ม (Pha Taem)
ภาพที่สามแสดงหน้าผาสูงชันริมแม่น้ำโขง พร้อมภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า 3,000–4,000 ปี ที่นักโบราณคดีพบ
จุดเด่นถ่ายภาพ: เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ขึ้นเป็นที่แรกในประเทศ ด้วยวิวแม่น้ำโขง และเส้นขอบฟ้าสวยๆ
โขงเจียม (Khong Chiam)
ภาพที่สี่เป็นวิวแม่น้ำโขงโค้งสองสี และบรรยากาศริมฝั่งที่เงียบสงบของอำเภอโขงเจียม
แนะนำเพิ่มเติม: แวะชมจุดชมวิวแม่น้ำสองสีก่อน หรือพักผ่อนริมโขงเจียม มีกิจกรรมล่องเรือหรือคาเฟ่ชิลๆ ริมน้ำ
พร้อมรูปสวย ๆ แล้ว ตอนนี้คุณสามารถใช้ภาพเหล่านี้ประกอบบล็อกให้น่าสนใจยิ่งขึ้นได้เลยค่ะ! ถ้ายังต้องการรูปมุมอื่นเพิ่มเติม หรือต้องการช่วยจัดเรียง layout เวลาลงบล็อก บอกได้เลยนะคะ
สรุปแล้ว งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี คือเทศกาลที่เป็นการเฉลิมฉลองศรัทธาและศิลปะในคราวเดียว กับขบวนเทียนแกะสลักสุดอลัง การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น และบรรยากาศอบอุ่นของชุมชน
ถ้าคุณรักศิลป์ ชื่นชอบจิตวิญญาณทางศาสนา หรืออยากถ่ายภาพสวยๆ เหตุการณ์ที่ไม่เหมือนใคร... "อย่าพลาดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาที่อุบลราชธานี ปีนี้นะคะ!"
วัดหนองป่าพง
เป็นวัดที่มีบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ เหมาะแก่การเล่าเรียนพระธรรมวินัยและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ก่อตั้งโดยหลวงปู่ชา สุภัทโท เมื่อ พ.ศ. 249 ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง ตำบลโนนผึ้ง สร้างโดยหลวงปู่ชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) ลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่อปี พ.ศ. 2497 ภายในวัดมีสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) เป็นอาคารที่จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท เครื่องทองเหลืองและพระพุทธรูป และเจดีย์ศรีโพธิญาณ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชา เปิดให้เข้าชม เวลา 08.00-16.30 น.
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดภูพร้าว หรืออีกชื่อที่นิยมคือวัดเรืองแสง ตั้งอยู่ในตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สร้างโดยพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางจากประเทศลาว มาพักปักกลดที่ภูพร้าว และสร้างวัด ให้ชื่อว่า "วัดภูพร้าว" ต่อมาราว พ.ศ.2516–2517 พระอาจารย์บุญมากได้เดินทางกลับไปยังวัดภูมะโรง เมืองจำปาสัก เนื่องจากเกิดความไม่สงบทางการเมืองในประเทศลาว วัดภูพร้าวจึงถูกปล่อยร้างเรื่อยมา จนกระทั่งปี พ.ศ.2535 อำเภอสิรินธรได้แยกตัวออกจากอำเภอพิบูลมังสาหาร จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น "วัดสิรินธรวราราม" ตามชื่ออำเภอ จน พ.ศ. 2542 พระครูกมลภาวนากร (สีทน กมโล) เจ้าอาวาสและผู้บูรณะพัฒนาวัดภูหล่น ตำบลสงยาง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับอาราธนานิมนต์มาบูรณะวัดภูพร้าว จนได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2545 ในนาม "วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว" มีเนื้อที่วัดทั้งหมด 15 ไร่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2547
จุดเด่น คือ พระอุโบสถเรืองแสง เป็นพระอุโบสถที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม ด้านหลังพระอุโบสถมีจิตรกรรมต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงในเวลาพลบค่ำ ต้นกัลปพฤกษ์จะเรืองแสงโดดเด่นสะดุดตา และด้วยวัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขา จึงกลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำและจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพ คือ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. และ 19.30 น. หากถ้าเราโชคดีจะได้พบกับดวงดาวรายล้อมไปกับอุโบสถเรืองแสงเพิ่มความงดงามตื่นตาใจ หากจะเพิ่มความสวยงามขึ้นไปอีกแนะนำให้ไปในคืนเดือนมืด เพราะหากยิ่งมืดเราก็จะสามารถเห็นการเรืองแสงของต้นกัลปพฤกและดวงดาวได้ขัดเจนมากขึ้น แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ